การออกกำลังกายลดหน้าท้องที่ได้ผลดี คือการกระโดดเชือก

 

                                                                   

 

 

 

“ไอ้บ้า” ผมท้วงและว่า “อย่างหลังไม่เอาโว้ย เสียว” ที่สุดขจรเพื่อนรักขอร้องว่าอยากให้ไปเที่ยวเพราะคิดถึงจริงๆ ไอ้ประพันธิ้เพื่อนอีกคนตอบ
แล้วจะไปด้วย หลายปีไม่ได้เจอ พบกันคราวนี้ปล่อยแก่กันหน่อยเสอะวะสุดท้ายพูดแค,นั้นแล้ววางหูเหมือนบังคับในตัว โทรกลับไปอีกเพื่อจะขอคิดดูก่อน แต่เพื่อนปิดเครื่องซะฉิบ ไอ้นี่เล่นมัดมือชกจนได้ เป็นว่าต้องไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียนั้าใจติดต่อประพันธึ๋ที่ยังดำรงชีพอยู่กรุงเทพฯเพื่อเดินทางพร้อมกัน ได้รับคำตอบให้ไปเจอที่ปลายทางเลยดีกว่า  เชือกกระโดดadidas เพราะเอาแน่ไม่ได้จะไปหรือเปล่า

ทำธุระส่วนตัวค้างไว้ ก็ร้องขึ้น “อ้าวแล้วกูจะflหม เนี่ย บ้านมันอ^แห่งหนตำบลไหน’’ เพื่อนพันธึ๋กรอกเสียง “ทำไมโง่อย่างงีวะหนอมเกือบ
ถึงที่หมายเมื่อไหร่โทรให้มันมารับที่สถานี” โดนเพื่อนว่าซะเสียเลยต้องนิ่งจากนั้นการเดินทางจึงเรํ่ม ขอวิจารณ์หน่อยเถอะไม่ได้ขึ้นเสียนานรถไฟสะอาดสะอ้านกว่าเก่าหน่อย สมัยก่อนต้องระวังไม่งั้นหนูออกมาพันแข้งขาต้องลุกหนีกันวุ่น แมลงลาบไม่ต้องพูดถึงบางครั้งขึ้นมากินอาหารกับเราเลยนี่พูดจริงนะไม่ได้โม้ เมื่อสามสิบปีโน่น เครื่องออกกกำลังกายลดหน้าท้อง  และที่สุดต้องถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างเพียงลำพังคนเดียว เนื่องจากประพันธิ้โทรมาบอกธุระยังไม่เสร็จ หากเรียบร้อยจะตามไปภายหลัง ก็ตอบเออ ตามใจไม่ง้อก็ได้โว้ย สมัยนี้ดีอย่าง สื่อสารแจ๋วหากเป็นเมื่อก่อนจะไปโทรกันที่ไหนละในรถ นี่ยืนพูด1จ๋อยๆ อยู่ตรงซานชาลาแปิบเดียว เชือกกระโดดภาษาอังกฤษ  ไม,ถึงยี่สิบนาทีขจรขับรถส่วนตัวป๋อมาแล้ว แสดงบ้านอยู่ไม่ไกลจากสถานีนักสบายมาก

จอดข้างฟุตบาทตับเครื่องก้าวลงมามองหา พอเห็นเข้าเท่านั้น มันยิ้มเหมือนได้แก้ว คำนี้โม้ครับ ความจริงขจรเพียงยิ้มด้วยความดีใจรี่เข้าหาจับมือเสร็จพร้อมสวมกอดกันเหมือนฝรั่งมังค่าด้วยเอ้า“หลับไหมวะมาในรถไฟ” เพื่อนถามขึ้นก่อน ก็ส่ายหน้าว่า อึ นอนข้างบนโว้ย หัวส่ายทั้งคืน ปวดฉี่ทีต้องไต่ลงเหมือนวานรเลยละเอ็งเอ๋ย ไปๆเพื่อนพยักหน้าให้เดินไปยังรถ จึงลากกระเป๋าใบใหญ่หน่อยเพราะกะอยู่หลายวัน ไหนๆ มาทั้งที ก้าวเนิบตามก้นมันติดๆ บ้านขจรออกจากตัวเมืองแค่สิ,ห้ากิโล รั้วรอบขอบชิดเงียบเชียบน่าอยู่ มือีกสองสามหลังเรียงรายห่างกันเป็นระยะ เพื่อนจอดพาหนะคู่ใจเสร็จ ก้าวลงเกือบพร้อมกัน ดึงกระเป๋าเดินทางจากเบาะหลัง  เชือกกระโดดสีชมพู ลูกชายขจรที่ย่างเข้าวัยหนุ่มยืนคอยอยู่ ยกมือไหว้ผมแล้วเอื้อมมารับ ลากต่อเข้าบ้าน  เลยยืนสูดลมหายใจแสนเย็นสบายเข้าปอดเสียก่อนหันมองบรรยากาศรอบๆ ที่เวิ้งว้างสุดตาทิวเขาสลับซับซ้อนอยู่ไกลลิบ จนขจรบอกให้เข้าข้างในเถอะได้ล่อมื้อเช้าที่คุณจรรยาเมียเพื่อนเตรียมไว้แล้ว ระหว่างนั่งโล้ข้าวต้มกุ้งอย่างเอเดอร่อย เพื่อนหันบอกขจิต
ลูกชาย อย่าลืมเอาไปให้ตาสมด้วยล่ะ

“ครับพ่อ” หนุ่มขจิตรับคำฟลีโรเวียม แล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก จึงถามใครกันวะ ตาสม”“อ๋อ นักเลงโตของตำบลนี้” ขจรตอบหน้าตาเฉย
“หา นี่เอ็งอยู่ใต้อาณัติของตาสมจนต้องทำอาหารไปให้เชียวหรือทุกมื้อหรือเปล่าวะ”'ไอ้ผมน่ะคิด,ว่าเพื่อนกลัว,จริง1จึง'ซัก เพื่อนหัวเราะกลับตอบ“เปล่าหรอก ไม่ได้กลัวอย่างเอ็งคิด แต่สงสารโว้ย”“อ้าว เป็นงั้นไป” ผมร้องขึ้นพร้อมจ้องหน้าขจรจึงเล่าและถาม อยากรู้จักไหมเล่า เมื่อก่อนผู้นี้เป็นนักเลงใหญ่ของที่นี่'จริงๆ แต่ปั'จจุบ,น'หมดเขี้ยวเล็บแล้ว ชักสนใจจึงตอบ อยากสิจะได้ฝากเนื้อฝากตัว พาไปแนะนำได้หรือเปล่า แล้วแกดุมาก,ไหม เพื่อนล่ายหน้าและว่าอย่าเลย ตาสมไม่อยากพูดคุยกับใครที่แปลกหน้า ข้อสำคัญไม่รับผู้ใดเป็นลูกน้องอีกแล้ว“อ้าว แล้วเอ็งถามข้าทำไม” ผมร้องขึ้น ชักอารมณ์เสียขจรหัวเราะและบอก “เอาน่าเดี๋ยวกินข้าวอิ่ม เอ็งนอนพักลักตื่น จะพาไปดู”และอาหารมื้อเข้าผ่านพ้นไป ผมอาบนั้าเสร็จ เปลี่ยนจากชุดเดินทางเป็นกางเกงแพร จากนั้นเข้าห้องที่เมียเพื่อนอีกน่ะแหละจัดไว้ให้ อากาศทค่อนข้างเย็นตามสภาพพื้นบ้านทำให้หลับสบายจนบ่ายคล้อยจึงตื่น ให้รู้สึกสดชื่น ขึ้นมากทีเดียวแหละ ลุกขึ้นออกจากห้อง เพื่อนนั่งคุยกับคุณจรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก อยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน หันมาเห็นร้องถาม หลับสบายไหมฝ่ายเมียยกมือไหว้ ผมก็ปฏิปติตอบตามธรรมเนียม

 

ขายเชือกกระโดด